การวัดความดัน ด้วยตัวเอง
หรือรู้ไม่ว่าความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่มักไม่มีอาการออกมาให้เห็นแต่สามารถส่งผลแทรกซ้อนในระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอัมพฤกษ์และอัมพาต ดังนั้น การวัดความดันโลหิตด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเฝ้าระวังความเสี่ยงและเตือนให้ไปพบแพทย์ เมื่อความดันโลหิตเริ่มสูงผิดปกติ โดยที่ยังไม่เกิดอาการหรือภาวะแทรกซ้อนของโรค
( การเลือกเครื่องวัดความดันโลหิต )
เครื่องวัดความดันโลหิตที่เราจะใช้ในบ้านควรเป็นชนิด
ดิจิตอลเพราะสามารถพกพาได้ง่ายและสะดวกในการ
ใช้งานสามารถแสดงผลเป็นตัวเลขที่หน้าจอพร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจเลย และทำให้จดบันทึกแปลผลได้ง่ายอีกด้วย
- ชนิดพันข้อมือ สามารถวัดความดันโลหิตได้ง่ายเพียงใส่สายรัดที่ข้อมือ พกพาสะดวกแต่มีราคาที่สูงมาก
- ชนิดมีมอเตอร์บีบลมเอง ใช้งานง่ายเพียงแค่กดปุ่ม
- ชนิดบีบลมเอง เป็นเครื่องที่มีราคาถูกที่สุด พกพาง่าย แต่ต้องใช้มือในการบีบลมเอง
( แล้วควรวัดความดันโลหิตเมื่อไหร่กันบ้าง ? )
1. ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ หรือไทรอยด์เป็นพิษ เนื่องจากโรคเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับโรคความดันโลหิตสูง จึงควรวัดความดันอยู่เสมอ
2. ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปควร วัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอและอย่างน้อยที่สุด
ปีละ 2 ครั้ง
3. เมื่อร่างกายเกิดอาการผิดปกติต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด ใจสั่น เป็นลมหมดสติ ปวดท้อง หรือมีภาวะที่ทำให้สูญเสียน้ำ หรือเลือดออกจากร่างกายในปริมาณมาก เพราะอาการข้างต้นอาจทำให้ระดับความดันโลหิตสูงหรือต่ำผิดปกติได้
( และสุดท้ายวิธีการวัดความดันโลหิตได้ง่ายๆที่บ้าน )
- ขณะวัดไม่ควรมีความเครียดเกิดขึ้น หรืออาการเจ็บปวดใดๆ ไม่ปวดปัสสาวะ และไม่ควรวัดความดันหลังรับประทานอาหาร สำคัญที่สุดอย่างสุดท้ายคือควรงดบุหรี่และกาแฟก่อนวัดความดันโลหิต 30 นาที
- สถานที่ใช้ตรวจต้องเงียบประกับมีความเป็นส่วนตัว ก่อนวัดความดันโลหิตให้นั่งพักก่อนสัก 15 นาที น
บนเก้าอี้ ห้ามนั่งไขว่ห้าง หลังพิงพนักและเท้าอยู่บนพื้น
- เครื่องวัดความดันโลหิตและแขนที่จะวัดอยู่ควรอยู่
แนวเดียวกับระดับหัวใจและวัดความดันโลหิตที่แขนขวาเสมอ ไม่ควรใส่เสื้อแขนยาวขณะวัดความดันโลหิตด้วย
╔══╗
╚╗╔╝ ❣ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ➰สั่งซื้อสินค้า
╔╝(¯`v´¯) ♥ # www.vetaming.com♥
╚══`.¸.💎โทร 0832365945. 💎